Archive 2024

เคล็ดลับแก้อาการเมาค้างได้

เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้คงจะชื่นชอบการดื่มแอลกอฮอล์กันเป็นอย่างมากเพราะโดยปกติแล้วเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถือเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ ทำให้หลายๆคนนั้นรู้สึกบรรเทาจากความเครียดได้เป็นอย่างดีอีกทั้งยังทำให้หลายๆคนนั้นรู้สึกผ่อนคลาย แต่รู้หรือไม่ว่าการที่ร่างกายของเราได้รับแอลกอฮอล์มากจนเกินไปนั้น

นอกจากจะส่งผลกระทบต่อร่างกายยังอาจทำให้ร่างกายของเราได้รับความเสี่ยง  เครื่องช่วยฟังราคาเท่าไหร่    ต่อการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายอีกด้วย

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากมีเวลาว่างและหลายคนก็มักที่จะออกไปตั้งวงดื่มแอลกอฮอล์กันอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ปัญหาของคนที่ชื่นชอบการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำนั่นก็คืออาการเมาค้าง ซึ่งอาการนี้เป็นหนึ่งในอาการที่พบเจอได้บ่อยหลังการดื่มแอลกอฮอล์

ซึ่งจะทำให้ร่างกายของเรานั้นรู้สึกอ่อนเพลีย วิงเวียนศีรษะหรือ บางครั้งอาจทำให้เรารู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียนได้ ซึ่งอาการนี้ถือเป็นหนึ่งในอาการที่พบเจอและแต่หลายคนมักที่จะมองหาวิธีในการแก้ไข แต่ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะวันนี้เราจะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายๆในการแก้อาการเมาค้าง ขอบอกเลยว่าสำหรับใครที่เป็นสายปาร์ตี้ต้องไม่พลาดอย่างเด็ดขาด

  • หลีกเลี่ยงการนอนมากเกินไป

สำหรับใครที่มีอาการเมาค้างรู้หรือไม่ว่าทางที่ดีเราควรที่จะหลีกเลี่ยงการนอนมากเกินไปเพราะในระหว่างที่เรานอนนั้นจะยิ่งทำให้เรามีอาการวิงเวียนศีรษะหรือปวดเมื่อยตามร่างกายหรืออ่อนเพลียได้ง่ายนั่นเอง ซึ่งทางที่ดีเราควรที่จะลุกออกไปสูดอากาศที่บริสุทธิ์ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น เพื่อให้การไหลเวียนเลือดในร่างกายของเรานั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

  • การทานซุปร้อนๆ

หลายคนมองว่าการที่เราดื่มอะไรร้อนๆหรือทานอาหารอะไรที่มันร้อนๆไปอย่างเช่นซุป ถือเป็นหนึ่งใน สิ่งที่จะช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี ซึ่งแน่นอนว่าการที่เราทานสุกก็ร้อนนั้น มันจะทำให้ร่างกายของเรารู้สึกดีหลังจากอาการเมาค้างได้ และทำให้ร่างกายของเรารู้สึกโล่งได้อีกด้วย

  • มีการเติมความเปรี้ยว

หลังจากอาการเมาค้างแน่นอนว่าร่างกายของเราจะมีอาการวิงเวียนศีรษะปวดหัว หรือบางครั้งอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย ซึ่งรู้หรือไม่ว่าการที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีรสชาติประโยชน์จัดถือเป็นหนึ่งในอาหารที่จะสามารถบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดี

เพราะจะสิ่งทำให้ร่างกายของเรารู้สึกสดชื่น ช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนศรีษะ และยังดีต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย รับรองได้เลยว่าหากเราทานเป็นประจำนั้นนอกจากจะได้ประโยชน์ดีๆแล้วยังช่วยบรรเทาอาการเมาค้างได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

แนะนำ 3 ผลไม้ช่วยต้านทานโรค

รู้หรือไม่ว่า การที่เราทานผลไม้เยอะ ๆ เป็นประจำ ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะผลไม้บางชนิดจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา และหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอ่างดีอยู่แล้วว่า ผลไม้ยิ่งทานยิ่งดีต่อสุขภาพผิวของเรา จึงทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่หันมาทานผลไม้กันมากขึ้นนั่นเอง

ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การทานผลไม้สดใหม่ สะอาด ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก ที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายี่แข็งแรงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผลไม้บางชนิดยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ

ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย เพราะผลไม้จะมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคบางประเภทได้ดีมาก ๆ หากเราทานเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ต้องการสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และอยากป้องกันร่างกายจากโรคร้าย ก็ไต้องเป็นกังวลไป

เพราะวันนี้ เราจะมาแนะนำผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้ รับรองได้เลยว่า    เครื่องช่วยฟัง    หากเราทานเป็นประจำจะยิ่งดีต่อร่างกาย จะมีผลไม้ชนิดไหนบ้างที่โรคร้ายกลัว ไปดูกันเลย 

1.ฝรั่ง

แน่นอนว่า ผลไม้ชนิดนี้สามารถหานทานกันได้ง่ายมาก ๆ แถมยังมีราคาถูก มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เราได้เลือกทาน ซึ่งฝรั่งเรียกได้ว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ โดยสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคของเราแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งหากเราทานเป็นประจำก็จะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้นั่นเอง 

2.ส้มโอ

เป็นผลไม้ตามฤดูกาล แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเช่นกัน เพราะส้มโอนั้นจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเบือดได้ สามารถช่วยจับสารก่อมะเร็ง ยิ่งถ้าเราทานเป็นประจำหลังมื้ออาหาร ก็จะมีส่วนช่วยในการขับลมในกระเพาะได้ดี ทำให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

3.มะขาม

  รู้หรือไม่ว่าในเนื้อมะขามนั้นมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ประเดือนของผู้หญิงอย่างเรามาปกติแล้ว ยังมีกรดชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยเป็นยาระบายได้ ถึงแม้ว่าจะช่วยเป็นยาระบายแบบอ่อน ๆ แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แถมยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายจากโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย 

มาทำความรู้จักกับโรคทางจิตเวช ที่หลายคนไม่ทราบมาก่อน

ในยุคสมัยนี้โรคจิตเวชเป็นกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันจะอันตรายมากๆถ้าหากว่าเราเป็นแล้วแต่เราไม่รู้ตัวมาก่อน ในกรณีคนที่เป็นหรือมีอาการแต่รู้ตัวก็รักษาได้ทัน แต่คนที่ไม่รู้ตัวถึงแม้ว่ามีอาการก็ตาม แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิตเวชก็มีเยอะเช่นกัน

ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลสำหรับโรคจิตเวชที่ใครหลายๆคนยังไม่ทราบว่ามันมีอาการเป็นแบบไหน แล้วใครคือคนที่เข้าข่ายเป็นโรคจิตเวชนี้บ้าง และเราจะต้องมาทราบการแก้ไขเบื้องต้นการสังเกตเบื้องต้นว่าเราเป็นโรคจิตเวชหรือไม่ หรือคนรอบข้างเป็นเราจะสามารถแนะนำพวกเขาได้อย่างไร ก่อนอื่นมาทำความรู้จิกโรคจิตเวชนี้ก่อนเลย 

มาทำความรู้จักกับโรคทางจิตเวช มีอะไรบ้าง

1.โรคแพนิค

สำหรับโรคแพนิค คนทั่วไปมักจะยังไม่เป็นที่รู้จักกันนัก โดยโรคแพนิค นั้นเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับจิตเวช โดยทั้วไปคนไข้ที่มีอาการที่เป็นโรคแพนิค นั้นมักจะมีอาการตื่นตะหนก โดยตัวเองไม่รู้ตัว เช่นหัวใจเต้นเร็วเกินปกติ แต่ตรวจอาการก็ไม่พบอะไร ซึ่งถ้าหากไปตรวจที่จิตเวชจะทราบว่าตนนั้นเป็นโรคแพนิค อาการทั้วไปที่พบกับคนไข้ก็คืออาการจะมาๆหายๆ

จะตื่นตะหนกเป็นพักๆ ไม่ได้เป็นตลอดหรือบางรายก็ไม่ได้เป็นบ่อย จะพบอาการก็ต่อ    หูตึงรักษาหายไหม   เมื่อคนไข้รู้สึกตื่นตะหนกกับเหตุการณ์นั้นๆ หมายถึงระบบประสาทของคนที่เป็นนั้นทำงานเร็วเกินปกติ มักพบได้จากผู้ที่เครียด นอนไม่เพียงพอ หรืออะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดประสาทรวน

 

2.โรคซึมเศร้า

โดยในยุคนี้เรามักจะรู้จักกันดีเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า โรคนี้มีสาเหตึหลักมาจากกรรมพันธุ์ หรือนิสัยส่วนตัว อาการที่พบมากก็น่าจะเป็นแบบหดหู่ เบื่อหน่าย ซึ่งหลายคนก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นโรคซึมเศร้า หรืออาการเบื่อ โดยจะมีการเบื่อทุกสิ่งรอบๆตัว เบื่อไปหมดสะทุกอย่าง เห็นหรือเจออะไรก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย

หรือเบื่อจนไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เบื่ออยากตาย แต่ก็ไม่เศร้าอะไรแค่รู้สึกเบื่อไปหมดเท่านั้น รู้สึกผิดง่าย ชอบโทษตัวเอง ซึ่งใครที่มีอาการนี้ก็ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะถ้าไม่รีบรักษาก็อาจจะปล่อยจนเสียชีวิตได้

 

3.โรคจิตเภท

พูดง่ายๆคือโรคจิต พวกที่มีประสาทหลอน หูแว่ว หรือหวาดระแวง สามารถสังเกตได้ง่าย แต่การรักษาค่อยข้างยาก ส่วนใหญ่แล้วอาการหนักรักษาไม่หาย เน้นกินยาเป็นประจำขาดไม่ได้ไม่งั้นอาการจะกำเริบ ทำให้หนักหรือคุมคั่งได้ง่าย

โดยจากสถิติของคนที่เป็นโรคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น หากคุณมีอาการที่ผิดปกติหรือมองว่าตนนั้นเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ก็ควรรีบทำการรักษาในทันที ซึ่งบุคคลที่มีปัญหาทางด้านนี้หรือมีปัญหาอื่นๆกับคนรอบข้าง ก็ควรที่จะมาปรึกษาหมอ

ความเครียดส่งปัญหาต่อร่างกายมนุษย์เราอย่างไร

หากย้อนหลังไปในอดีต เราจะเห็นได้ว่าความเครียดนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะจับต้องได้ โดยส่วนใหญ่เรามักจะสนใจแค่ตับดี ไตดี กล้ามใหญ่ หรือไขมันน้อย แต่ทว่าได้เปลี่ยนไป พอเข้าสู่ยุคเหล่านี้จะเห็นได้ว่าทางการแพทย์ได้มีการพัฒนามากขึ้น โดยในยุคนี้ได้มีการพัฒนาสามารถที่จะดูข้อมูลจากในเลือดของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเจาะ หรือว่าการนำเลือดไปตรวจ แล้วสามารถที่จะบ่งบอกไปถึงสภาวะเกี่ยวกับความเครียดของจิตของเราได้แล้วนะ

 

สำหรับอวัยวะที่เป็นการกำหนดหรือการเข้ามาควบคุมทางด้านความเครียดต่างๆของร่างกาย นั่นก็คือสมองของเรา แต่นอกจากกนั้นก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เรียกว่าต่อมหมวกไต โดยมีชื่อเรียกที่เป็นภาษาอังกฤษว่า Adrenal Gland โดยจะมีลักษณะเป็นต่อมที่มีขนาดเล็ก เกาะอยู่บนไตของเราทั้งสองข้างด้วยกัน ถ้าหากว่าใครก็ตามที่เคยดูหนังจีนในเวลาที่เขาแมะเสร็จ พวกเขาจะมีการเรียกต่อมหมวกไตนี้ว่า ชี่ หรืออีกอย่างว่าพลังชีวิต โดยถ้าเทียบว่าการมีชี่เยอะก็เท่ากับว่าจะมีพลังงานชีวิตเยอะ จึงทำให้เรี่ยวแรงก็ดีตามไปด้วย

โดยปัจจุบันนี้ต่อมหมวกไตจะทำการหลั่งฮอร์โมนที่เป้นสำคัญๆ ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ที่ข้องเกี่ยวกับความเครียดของเราโดยมีดังนี้

ตัวที่ 1. มีชื่อว่า คอร์ติซอล สำหรับในทางสายกลางหากว่ามีเยอะจนเกินไปเราจะเรียกมันว่าความเครียด

ตัวที่ 2. มีชื่อเรียกว่า DHEA โดยสำหรับ DHEA นี้เราจะเรียกมันว่าตัวต่อต้านฮอร์โมนความเครียด

 ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะมีการทำงานให้มันบาลานซ์กัน โดยถ้าหหากว่าฮอร์โมนเครียดของคนเรามีเยอะ จะทำให้ตัวนี้เหลือน้อยลง และถ้าหากว่าฮอร์โมนเครียดของเรามีน้อยก็จะส่งผลให้ DHEA มีเยอะมากขึ้น ถ้าจะให้จำง่ายๆจะเป็นดังนั้น คอร์ติซอลต้องอย่ามีเยอะหรือมีมาก เพราะจะต้อง DHEA เยอะๆมากเช่นกัน

ซึ่งในขณะเดียวกันเวลาที่มีคอร์ติซอลหรือเวลาที่มฮอร์โมนเครียดที่เยอะ ก็จะทำการส่งข้อมูลที่เป็นสัฤญญาณโดยผ่านสแปรงนิค เนิร์ฟ (Splanchnic nevrve) ส่งขึ้นไปยังส่วนที่เป็นสมองของเรา จากนั้นจะส่งผลให้เกิดความเสียหายขึ้นมาอีกมากมาย และเมื่อเวลาที่เรานั้นมีคอร์ติซอลที่เยอะขึ้น

จะส่งผลให้เกิดสารที่เป็นสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเยอะตามไปด้วย หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ (Free Radical) คือมันจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย ทำลายเกี่ยวกับเซลล์ ส่งผลทำให้เราเกิดความเจ็บป่วยขึ้นได้ ซึ่งเวลาที่พวกเรามีสารฮอร์โมนที่เกิดความเครียดที่สูงขึ้น ก็จส่งผลก่อให้เกิดความอักเสบที่เยอะขึ้นไปด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

สัญญาณเตือนความผิดปกติจากประจำเดือน 

เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่าตามธรรมชาติของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์หรือที่เรียกว่าเข้าสู่วัยรุ่นร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อที่ผนังมดลูกให้มีความหนาขึ้นเพื่อเตรียมการตั้งครรภ์แต่ถ้ายังไม่มีการปฏิสนธิเยื่อบุรงมดลูกก็จะหลุดลอกและไหลผ่านทางช่องคลอดเป็นเลือดเรียกว่าประจำเดือนค่ะ

ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 21 ถึง 35 วันครั้งละ 3-7 วันซึ่งปริมาณประจําเดือนที่ปกติในแต่ละรอบจะต้องไม่เกิน 80 ซีซีและมีการเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

โดยประจำเดือนจะออกเป็นสีต่างๆได้แก่สีแดงเข้มสีน้ำตาลและสีดำร่วมกับอาการปวดท้องปวดศีรษะหน้าอกขยายและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหากมีอาการที่ผิดปกติจากที่กล่าวมาขณะเป็นประจำเดือนอาจเป็นสัญญาณเตือนบอกโรคของสาวๆได้ค่ะ

ทีนี้เราจะมาสังเกตสีของประจำเดือนกันนะคะว่าแต่ละสีบ่งบอกว่าร่างกายของเรากำลังเป็นโรคหรือมีภาวะผิดปกติอะไรบ้างได้แก่

 1 สีแดงเข้มจัดมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะโลหิตจางได้ 2 สีชมพูหรือสีแดงต่างๆเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีภาวะซีดหรือออกกำลังกายอย่างหนักผักโขมมากเกินไปสีแดงอมส้มเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอดมักจะมีกลิ่นเหม็นและมีหนองคนประจำเดือนออกมาด้วยถ้าสีแดงคนเขียวข้นเกิดจากการติดเชื้ออย่างเช่นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน 6 สีแดงคนเทาเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียมักจะมีอาการคันร่วมด้วยค่ะ

คราวนี้นะคะเรามารู้กันดีกว่าว่าแล้วประจำเดือนที่มีลักษณะผิดปกติมีอะไรบ้างเริ่มจากการมีประจำเดือนที่มากกว่าปกติหากประจำเดือนมามากกว่า 8 วันและสังเกตได้ว่าจะต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆชั่วโมงเป็นสัญญาณเตือนบอกโรคและความผิดปกติของร่างกายได้แก่โรคช็อกโกแลตซีสต์โรคเยื่อบุในมดลูก

ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลภาวะเลือดจางการเกิดเนื้องอกในมดลูกปิดบนเครื่องอักเสบมะเร็งปากมดลูกส่วนปริมาณประจำเดือนน้อยกว่าปกติ

สังเกตได้จากสีประจำเดือนต่างๆเวลาเปลี่ยนผ้าอนามัยหรือประจำเดือนมาแบบกระปิดกระปอยเกิดขึ้นได้จากหลายๆเหตุ เช่นภาวะแทรกหมดประจำเดือนการใช้ยาคุมกำเนิดต่อมใต้สมองขาดเลือดการตกไข่สังเกตได้จากในช่วงกลางของรอบเดือน

ส่วนใครที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายอยู่ในภาวะอ้วนเครียดความผิดปกติของต่อมหมวกไตโรคเกี่ยวกับไทรอยด์การเกิดเนื้องอกในรังไข่และภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง

ทั้งนี้โดยปกติแล้วประจำเดือนแต่ละรอบจะต้องไม่มาเร็วกว่า 21 วันหรือมาช้ากว่า 35 วันนับจากประจำเดือนรอบที่แล้วหากประจำเดือนที่มาเร็วหรือช้ากว่าเวลาดังกล่าวแสดงว่ารอบประจำเดือนนั้นผิดปกติ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย   เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาหาร 5 หมู่กินอย่างไรได้ประโยชน์ 

อาหาร 5 หมู่กินอย่างไรได้ประโยชน์  แน่นอนว่าการที่เรารับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่นั้น มีความสำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

เพราะจะได้ช่วยให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย หรือช่วยกระตุ้นร่างกายของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยให้ร่างกายของเรานั้นได้รับสาราหารที่ดีและเพียงพออีกด้วย ซึ่งรู้หรือไม่ว่า สารอาหารในแต่ละหมู่นั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

เพราะจะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงได้ แต่คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง ด้วยการไม่ค่อยรับประทานอาหาร หรือรับประทานอาหารไม่ตรงตามเวลา จนทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่

หรือบางครั้งอาจทำให้ร่างกายของเรานั้นไม่แข็งแรงได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย

และอยากที่จะเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณนั้นรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพออีกด้วย จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

1.การเน้นโปรตีน การที่เราจะทานอาหารให้ครอบทั้ง 5 หมู่ให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด สิ่งสำคัญเลยก็คือ โปรตีน ซึ่งร่างกายของเราไม่ควรที่จะขาดอย่างเด็ดขาด เพราะสารอาหารหมู่นี้นอกจากจะมีประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายของเราเยอะมาก ๆ แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกบ้ามเนื้อที่ดีให้แก่ร่างกาย ช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง และที่สำคัญ ยิ่งใครอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักต้องไม่พลาดอาหารหมู่นี้อย่างแน่นอน

2.คาร์โบไฮเดรต เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ร่างกายของเรานั้นขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ เพราะสารอาหารในหมู่นี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในพลังงานที่ดีต่อร่างกาย เพราะในแต่ละวันนั้นร่างกายของเราต้องขับเคลื่อนด้วยอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น สมอง การหายใจ ระบบประสาท หัวใจ รวมไปถึงระบบอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกายอีกด้วย ดังนั้น การที่ร่างกายของเราได้รับสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเป็นประจำ หรือเพียงพอนั้น จะชิ่งช่วยเพิ่มพลังงานที่ดีให้แก่ร่างกายของเรา เพื่อให้เรานั้นสามารถใช้ชีวิตไอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง 

3.ไขมัน ประกอบไปด้วย ปลาชนิดต่าง ๆ ไขมันจากสัตว์ น้ำมันจากพืช ซึ่งสารอาหารประเภทนี้ก็ถือมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตให้แก่ร่างกายของเราได้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งพลังงานที่สูง ช่วยให้ร่างกายของเรานั้นสามารถกักเก็บไขมันไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดื่อที่จะได้นำออกมาใช้ในยามที่จำเป็นได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย    ชุดตรวจ hiv