Category สุขภาพ

แนะนำ 3 ผลไม้ช่วยต้านทานโรค

รู้หรือไม่ว่า การที่เราทานผลไม้เยอะ ๆ เป็นประจำ ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะผลไม้บางชนิดจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา และหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอ่างดีอยู่แล้วว่า ผลไม้ยิ่งทานยิ่งดีต่อสุขภาพผิวของเรา จึงทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่หันมาทานผลไม้กันมากขึ้นนั่นเอง

ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การทานผลไม้สดใหม่ สะอาด ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก ที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายี่แข็งแรงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผลไม้บางชนิดยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ

ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย เพราะผลไม้จะมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคบางประเภทได้ดีมาก ๆ หากเราทานเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ต้องการสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และอยากป้องกันร่างกายจากโรคร้าย ก็ไต้องเป็นกังวลไป

เพราะวันนี้ เราจะมาแนะนำผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้ รับรองได้เลยว่า    เครื่องช่วยฟัง    หากเราทานเป็นประจำจะยิ่งดีต่อร่างกาย จะมีผลไม้ชนิดไหนบ้างที่โรคร้ายกลัว ไปดูกันเลย 

1.ฝรั่ง

แน่นอนว่า ผลไม้ชนิดนี้สามารถหานทานกันได้ง่ายมาก ๆ แถมยังมีราคาถูก มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เราได้เลือกทาน ซึ่งฝรั่งเรียกได้ว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ โดยสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคของเราแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งหากเราทานเป็นประจำก็จะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้นั่นเอง 

2.ส้มโอ

เป็นผลไม้ตามฤดูกาล แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเช่นกัน เพราะส้มโอนั้นจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเบือดได้ สามารถช่วยจับสารก่อมะเร็ง ยิ่งถ้าเราทานเป็นประจำหลังมื้ออาหาร ก็จะมีส่วนช่วยในการขับลมในกระเพาะได้ดี ทำให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

3.มะขาม

  รู้หรือไม่ว่าในเนื้อมะขามนั้นมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ประเดือนของผู้หญิงอย่างเรามาปกติแล้ว ยังมีกรดชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยเป็นยาระบายได้ ถึงแม้ว่าจะช่วยเป็นยาระบายแบบอ่อน ๆ แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แถมยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายจากโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย 

มาทำความรู้จักกับโรคทางจิตเวช ที่หลายคนไม่ทราบมาก่อน

ในยุคสมัยนี้โรคจิตเวชเป็นกันเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งมันจะอันตรายมากๆถ้าหากว่าเราเป็นแล้วแต่เราไม่รู้ตัวมาก่อน ในกรณีคนที่เป็นหรือมีอาการแต่รู้ตัวก็รักษาได้ทัน แต่คนที่ไม่รู้ตัวถึงแม้ว่ามีอาการก็ตาม แต่ก็ยังไม่ยอมรับว่าตัวเองเป็นโรคจิตเวชก็มีเยอะเช่นกัน

ซึ่งในวันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลสำหรับโรคจิตเวชที่ใครหลายๆคนยังไม่ทราบว่ามันมีอาการเป็นแบบไหน แล้วใครคือคนที่เข้าข่ายเป็นโรคจิตเวชนี้บ้าง และเราจะต้องมาทราบการแก้ไขเบื้องต้นการสังเกตเบื้องต้นว่าเราเป็นโรคจิตเวชหรือไม่ หรือคนรอบข้างเป็นเราจะสามารถแนะนำพวกเขาได้อย่างไร ก่อนอื่นมาทำความรู้จิกโรคจิตเวชนี้ก่อนเลย 

มาทำความรู้จักกับโรคทางจิตเวช มีอะไรบ้าง

1.โรคแพนิค

สำหรับโรคแพนิค คนทั่วไปมักจะยังไม่เป็นที่รู้จักกันนัก โดยโรคแพนิค นั้นเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับจิตเวช โดยทั้วไปคนไข้ที่มีอาการที่เป็นโรคแพนิค นั้นมักจะมีอาการตื่นตะหนก โดยตัวเองไม่รู้ตัว เช่นหัวใจเต้นเร็วเกินปกติ แต่ตรวจอาการก็ไม่พบอะไร ซึ่งถ้าหากไปตรวจที่จิตเวชจะทราบว่าตนนั้นเป็นโรคแพนิค อาการทั้วไปที่พบกับคนไข้ก็คืออาการจะมาๆหายๆ

จะตื่นตะหนกเป็นพักๆ ไม่ได้เป็นตลอดหรือบางรายก็ไม่ได้เป็นบ่อย จะพบอาการก็ต่อ    หูตึงรักษาหายไหม   เมื่อคนไข้รู้สึกตื่นตะหนกกับเหตุการณ์นั้นๆ หมายถึงระบบประสาทของคนที่เป็นนั้นทำงานเร็วเกินปกติ มักพบได้จากผู้ที่เครียด นอนไม่เพียงพอ หรืออะไรก็ตามที่ก่อให้เกิดประสาทรวน

 

2.โรคซึมเศร้า

โดยในยุคนี้เรามักจะรู้จักกันดีเกี่ยวกับโรคซึมเศร้า โรคนี้มีสาเหตึหลักมาจากกรรมพันธุ์ หรือนิสัยส่วนตัว อาการที่พบมากก็น่าจะเป็นแบบหดหู่ เบื่อหน่าย ซึ่งหลายคนก็ไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นกำลังเป็นโรคซึมเศร้า หรืออาการเบื่อ โดยจะมีการเบื่อทุกสิ่งรอบๆตัว เบื่อไปหมดสะทุกอย่าง เห็นหรือเจออะไรก็จะรู้สึกเบื่อหน่าย

หรือเบื่อจนไม่รู้จะอยู่ไปทำไม เบื่ออยากตาย แต่ก็ไม่เศร้าอะไรแค่รู้สึกเบื่อไปหมดเท่านั้น รู้สึกผิดง่าย ชอบโทษตัวเอง ซึ่งใครที่มีอาการนี้ก็ต้องรีบไปพบแพทย์ เพราะถ้าไม่รีบรักษาก็อาจจะปล่อยจนเสียชีวิตได้

 

3.โรคจิตเภท

พูดง่ายๆคือโรคจิต พวกที่มีประสาทหลอน หูแว่ว หรือหวาดระแวง สามารถสังเกตได้ง่าย แต่การรักษาค่อยข้างยาก ส่วนใหญ่แล้วอาการหนักรักษาไม่หาย เน้นกินยาเป็นประจำขาดไม่ได้ไม่งั้นอาการจะกำเริบ ทำให้หนักหรือคุมคั่งได้ง่าย

โดยจากสถิติของคนที่เป็นโรคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น หากคุณมีอาการที่ผิดปกติหรือมองว่าตนนั้นเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้ก็ควรรีบทำการรักษาในทันที ซึ่งบุคคลที่มีปัญหาทางด้านนี้หรือมีปัญหาอื่นๆกับคนรอบข้าง ก็ควรที่จะมาปรึกษาหมอ

ความเครียดส่งปัญหาต่อร่างกายมนุษย์เราอย่างไร

หากย้อนหลังไปในอดีต เราจะเห็นได้ว่าความเครียดนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะจับต้องได้ โดยส่วนใหญ่เรามักจะสนใจแค่ตับดี ไตดี กล้ามใหญ่ หรือไขมันน้อย แต่ทว่าได้เปลี่ยนไป พอเข้าสู่ยุคเหล่านี้จะเห็นได้ว่าทางการแพทย์ได้มีการพัฒนามากขึ้น โดยในยุคนี้ได้มีการพัฒนาสามารถที่จะดูข้อมูลจากในเลือดของเรา ไม่ว่าจะเป็นการเจาะ หรือว่าการนำเลือดไปตรวจ แล้วสามารถที่จะบ่งบอกไปถึงสภาวะเกี่ยวกับความเครียดของจิตของเราได้แล้วนะ

 

สำหรับอวัยวะที่เป็นการกำหนดหรือการเข้ามาควบคุมทางด้านความเครียดต่างๆของร่างกาย นั่นก็คือสมองของเรา แต่นอกจากกนั้นก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เรียกว่าต่อมหมวกไต โดยมีชื่อเรียกที่เป็นภาษาอังกฤษว่า Adrenal Gland โดยจะมีลักษณะเป็นต่อมที่มีขนาดเล็ก เกาะอยู่บนไตของเราทั้งสองข้างด้วยกัน ถ้าหากว่าใครก็ตามที่เคยดูหนังจีนในเวลาที่เขาแมะเสร็จ พวกเขาจะมีการเรียกต่อมหมวกไตนี้ว่า ชี่ หรืออีกอย่างว่าพลังชีวิต โดยถ้าเทียบว่าการมีชี่เยอะก็เท่ากับว่าจะมีพลังงานชีวิตเยอะ จึงทำให้เรี่ยวแรงก็ดีตามไปด้วย

โดยปัจจุบันนี้ต่อมหมวกไตจะทำการหลั่งฮอร์โมนที่เป้นสำคัญๆ ทั้งหมด 2 ตัวด้วยกัน ที่ข้องเกี่ยวกับความเครียดของเราโดยมีดังนี้

ตัวที่ 1. มีชื่อว่า คอร์ติซอล สำหรับในทางสายกลางหากว่ามีเยอะจนเกินไปเราจะเรียกมันว่าความเครียด

ตัวที่ 2. มีชื่อเรียกว่า DHEA โดยสำหรับ DHEA นี้เราจะเรียกมันว่าตัวต่อต้านฮอร์โมนความเครียด

 ซึ่งทั้งสองตัวนี้จะมีการทำงานให้มันบาลานซ์กัน โดยถ้าหหากว่าฮอร์โมนเครียดของคนเรามีเยอะ จะทำให้ตัวนี้เหลือน้อยลง และถ้าหากว่าฮอร์โมนเครียดของเรามีน้อยก็จะส่งผลให้ DHEA มีเยอะมากขึ้น ถ้าจะให้จำง่ายๆจะเป็นดังนั้น คอร์ติซอลต้องอย่ามีเยอะหรือมีมาก เพราะจะต้อง DHEA เยอะๆมากเช่นกัน

ซึ่งในขณะเดียวกันเวลาที่มีคอร์ติซอลหรือเวลาที่มฮอร์โมนเครียดที่เยอะ ก็จะทำการส่งข้อมูลที่เป็นสัฤญญาณโดยผ่านสแปรงนิค เนิร์ฟ (Splanchnic nevrve) ส่งขึ้นไปยังส่วนที่เป็นสมองของเรา จากนั้นจะส่งผลให้เกิดความเสียหายขึ้นมาอีกมากมาย และเมื่อเวลาที่เรานั้นมีคอร์ติซอลที่เยอะขึ้น

จะส่งผลให้เกิดสารที่เป็นสารอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นเยอะตามไปด้วย หรือมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งคือ (Free Radical) คือมันจะเข้าไปทำร้ายร่างกาย ทำลายเกี่ยวกับเซลล์ ส่งผลทำให้เราเกิดความเจ็บป่วยขึ้นได้ ซึ่งเวลาที่พวกเรามีสารฮอร์โมนที่เกิดความเครียดที่สูงขึ้น ก็จส่งผลก่อให้เกิดความอักเสบที่เยอะขึ้นไปด้วย

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังราคาถูก

สัญญาณเตือนความผิดปกติจากประจำเดือน 

เป็นที่ทราบกันดีนะคะว่าตามธรรมชาติของผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์หรือที่เรียกว่าเข้าสู่วัยรุ่นร่างกายจะสร้างเนื้อเยื่อที่ผนังมดลูกให้มีความหนาขึ้นเพื่อเตรียมการตั้งครรภ์แต่ถ้ายังไม่มีการปฏิสนธิเยื่อบุรงมดลูกก็จะหลุดลอกและไหลผ่านทางช่องคลอดเป็นเลือดเรียกว่าประจำเดือนค่ะ

ซึ่งจะเกิดขึ้นทุกๆ 21 ถึง 35 วันครั้งละ 3-7 วันซึ่งปริมาณประจําเดือนที่ปกติในแต่ละรอบจะต้องไม่เกิน 80 ซีซีและมีการเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆ 2-3 ชั่วโมง

โดยประจำเดือนจะออกเป็นสีต่างๆได้แก่สีแดงเข้มสีน้ำตาลและสีดำร่วมกับอาการปวดท้องปวดศีรษะหน้าอกขยายและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อหากมีอาการที่ผิดปกติจากที่กล่าวมาขณะเป็นประจำเดือนอาจเป็นสัญญาณเตือนบอกโรคของสาวๆได้ค่ะ

ทีนี้เราจะมาสังเกตสีของประจำเดือนกันนะคะว่าแต่ละสีบ่งบอกว่าร่างกายของเรากำลังเป็นโรคหรือมีภาวะผิดปกติอะไรบ้างได้แก่

 1 สีแดงเข้มจัดมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะโลหิตจางได้ 2 สีชมพูหรือสีแดงต่างๆเกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำมักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีภาวะซีดหรือออกกำลังกายอย่างหนักผักโขมมากเกินไปสีแดงอมส้มเกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอดมักจะมีกลิ่นเหม็นและมีหนองคนประจำเดือนออกมาด้วยถ้าสีแดงคนเขียวข้นเกิดจากการติดเชื้ออย่างเช่นการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน 6 สีแดงคนเทาเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียมักจะมีอาการคันร่วมด้วยค่ะ

คราวนี้นะคะเรามารู้กันดีกว่าว่าแล้วประจำเดือนที่มีลักษณะผิดปกติมีอะไรบ้างเริ่มจากการมีประจำเดือนที่มากกว่าปกติหากประจำเดือนมามากกว่า 8 วันและสังเกตได้ว่าจะต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุกๆชั่วโมงเป็นสัญญาณเตือนบอกโรคและความผิดปกติของร่างกายได้แก่โรคช็อกโกแลตซีสต์โรคเยื่อบุในมดลูก

ภาวะฮอร์โมนไม่สมดุลภาวะเลือดจางการเกิดเนื้องอกในมดลูกปิดบนเครื่องอักเสบมะเร็งปากมดลูกส่วนปริมาณประจำเดือนน้อยกว่าปกติ

สังเกตได้จากสีประจำเดือนต่างๆเวลาเปลี่ยนผ้าอนามัยหรือประจำเดือนมาแบบกระปิดกระปอยเกิดขึ้นได้จากหลายๆเหตุ เช่นภาวะแทรกหมดประจำเดือนการใช้ยาคุมกำเนิดต่อมใต้สมองขาดเลือดการตกไข่สังเกตได้จากในช่วงกลางของรอบเดือน

ส่วนใครที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอเป็นสัญญาณที่บอกว่าร่างกายอยู่ในภาวะอ้วนเครียดความผิดปกติของต่อมหมวกไตโรคเกี่ยวกับไทรอยด์การเกิดเนื้องอกในรังไข่และภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง

ทั้งนี้โดยปกติแล้วประจำเดือนแต่ละรอบจะต้องไม่มาเร็วกว่า 21 วันหรือมาช้ากว่า 35 วันนับจากประจำเดือนรอบที่แล้วหากประจำเดือนที่มาเร็วหรือช้ากว่าเวลาดังกล่าวแสดงว่ารอบประจำเดือนนั้นผิดปกติ

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย   เครื่องช่วยฟังราคาถูก

อาหาร 5 หมู่กินอย่างไรได้ประโยชน์ 

อาหาร 5 หมู่กินอย่างไรได้ประโยชน์  แน่นอนว่าการที่เรารับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่นั้น มีความสำคัญและจำเป็นต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

เพราะจะได้ช่วยให้ระบบการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย หรือช่วยกระตุ้นร่างกายของเราให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงช่วยให้ร่างกายของเรานั้นได้รับสาราหารที่ดีและเพียงพออีกด้วย ซึ่งรู้หรือไม่ว่า สารอาหารในแต่ละหมู่นั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

เพราะจะช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงได้ แต่คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการทำร้ายสุขภาพร่างกายของตนเอง ด้วยการไม่ค่อยรับประทานอาหาร หรือรับประทานอาหารไม่ตรงตามเวลา จนทำให้ร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่

หรือบางครั้งอาจทำให้ร่างกายของเรานั้นไม่แข็งแรงได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย

และอยากที่จะเลือกรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่เพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยให้คุณนั้นรับประทานอาหารครบทั้ง 5 หมู่ อีกทั้งยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพออีกด้วย จะมีวิธีไหนกันบ้างนั้น ไปดูกันเลย 

1.การเน้นโปรตีน การที่เราจะทานอาหารให้ครอบทั้ง 5 หมู่ให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด สิ่งสำคัญเลยก็คือ โปรตีน ซึ่งร่างกายของเราไม่ควรที่จะขาดอย่างเด็ดขาด เพราะสารอาหารหมู่นี้นอกจากจะมีประโยชน์ที่ดีต่อร่างกายของเราเยอะมาก ๆ แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกบ้ามเนื้อที่ดีให้แก่ร่างกาย ช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง และที่สำคัญ ยิ่งใครอยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักต้องไม่พลาดอาหารหมู่นี้อย่างแน่นอน

2.คาร์โบไฮเดรต เป็นอีกหนึ่งสารอาหารที่ร่างกายของเรานั้นขาดไม่ได้เลยก็ว่าได้ เพราะสารอาหารในหมู่นี้ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในพลังงานที่ดีต่อร่างกาย เพราะในแต่ละวันนั้นร่างกายของเราต้องขับเคลื่อนด้วยอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น สมอง การหายใจ ระบบประสาท หัวใจ รวมไปถึงระบบอวัยวะอื่น ๆ ภายในร่างกายอีกด้วย ดังนั้น การที่ร่างกายของเราได้รับสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเป็นประจำ หรือเพียงพอนั้น จะชิ่งช่วยเพิ่มพลังงานที่ดีให้แก่ร่างกายของเรา เพื่อให้เรานั้นสามารถใช้ชีวิตไอย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง 

3.ไขมัน ประกอบไปด้วย ปลาชนิดต่าง ๆ ไขมันจากสัตว์ น้ำมันจากพืช ซึ่งสารอาหารประเภทนี้ก็ถือมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตให้แก่ร่างกายของเราได้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งพลังงานที่สูง ช่วยให้ร่างกายของเรานั้นสามารถกักเก็บไขมันไว้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ดื่อที่จะได้นำออกมาใช้ในยามที่จำเป็นได้อีกด้วย 

 

สนับสนุนโดย    ชุดตรวจ hiv

ผู้ที่มีภาวะเรื้อรังเช่น RA

 อาจประสบปัญหาในการรับยาเนื่องจากกฎหมายการทำแท้งที่เข้มงวด ด้วยคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐ Dobbs v. Jackson บางรัฐได้ดำเนินการตามกฎหมายที่เข้มงวด

ซึ่งแทบจะห้ามการทำแท้ง ผลลัพธ์หนึ่งคือเภสัชกรบางรายไม่ได้กรอกใบสั่งยาที่อาจยุติการตั้งครรภ์ได้ แม้ว่าจะมีการสั่งจ่ายยาสำหรับโรคเรื้อรังก็ตาม มูลนิธิโรคข้ออักเสบได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการหยุดชะงักของยาที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากกฎหมายเหล่านี้ ด้วยคำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐ Dobbs v. Jackson ในช่วงซัมเมอร์นี้

แต่ละรัฐได้รับอำนาจเพิ่มขึ้นในการจำกัดหรือห้ามการทำแท้ง ผลลัพธ์ประการหนึ่งของกฎหมายการทำแท้งที่เข้มงวดเหล่านี้คือ มีรายงานว่าเภสัชกรล่าช้าหรือปฏิเสธที่จะเติมยาทั่วไปที่ใช้รักษาอาการเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เนื่องจากความกังวลว่ายาอาจยุติการตั้งครรภ์ได้

ยาตัวหนึ่งที่เป็นศูนย์กลางของเรื่องราวเหล่านี้บางเรื่องคือยาเม็กซ์โทเทรกเซต Methotrexate กำหนดให้ประมาณ 90% ของผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ในบางช่วงของการรักษา รายงานของมูลนิธิโรคข้ออักเสบขององค์กรผู้ป่วยที่ไม่แสวงหากำไร หลังจากการตัดสินใจของ Dobbs มูลนิธิโรคข้ออักเสบได้

ผู้ที่มีภาวะเรื้อรังเช่น RA ออกคำเตือนเกี่ยวกับการหยุดชะงักของยาที่อาจเกิดขึ้นและเปิดการสำรวจเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ของสมาชิกในชุมชนและกล่าวว่าหลายคนรายงานปัญหาในการเข้าถึงยา ในเดือนนี้ สำนักข่าวในเมืองทูซอน รัฐแอริโซนา รายงานว่าเด็กสาววัยรุ่นรายหนึ่งถูกปฏิเสธไม่ให้ใช้ยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ เนื่องจากกังวลว่ายาดังกล่าวอาจนำไปสู่การทำแท้งโดยสมมุติฐานการตั้งครรภ์

Emma Thompson วัย 14 ปีใช้ methotrexate มานานหลายปีเพื่อจัดการกับโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ซึ่งเป็นภาวะภูมิต้านตนเองที่อาจทำให้เกิดการอักเสบอย่างกว้างขวางและความเสียหายของข้อต่อที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม แต่เมื่อแม่ของเธอไปเยี่ยมร้าน Walgreens ในท้องถิ่น

เพื่อรับยาเติมในเดือนนี้ เภสัชกรปฏิเสธที่จะจัดหาให้ในตอนแรก แม้ว่าร้านขายยาจะมีใบสั่งยาครบถ้วน แต่แม่ของทอมป์สันกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการหยุดชะงักของยาในอนาคตในรัฐที่จำกัดยากระตุ้นการทำแท้ง “ฉันลงเอยด้วยยาในวันนั้น แต่ฉันไม่รู้ว่ายาจะเต็มในเดือนหน้าหรือเปล่า” เธอบอก Good Morning America “ฉันไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ และไม่ใช่แค่สำหรับลูกสาวของฉันเท่านั้น แต่สำหรับเด็กผู้หญิงทุกคนที่ต้องการยาตัวนี้ด้วย” ผลของกฎหมายต่อต้านการทำแท้ง แอนนา ไฮด์ รองประธานฝ่ายสนับสนุนและการเข้าถึงของมูลนิธิโรคข้ออักเสบ บอก Healthline 

Methotrexate ยังใช้เพื่อลดการอักเสบในภาวะภูมิต้านตนเองอื่นๆ เช่น โรคข้ออักเสบสะเก็ดเงิน โรคข้ออักเสบไม่ทราบสาเหตุเด็กและเยาวชน โรคโครห์น โรคลำไส้ใหญ่บวมเป็นแผล และโรคลูปัส ในปริมาณที่สูงขึ้นมาก อาจใช้เพื่อรักษาการแท้งบุตรที่ไม่สมบูรณ์หรือยุติการตั้งครรภ์นอกมดลูก

ซึ่งเป็นการตั้งครรภ์ที่ไม่สามารถทำงานได้และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตซึ่งเกิดขึ้นนอกมดลูก เนื่องจากศักยภาพของยา methotrexate ในการยุติการตั้งครรภ์ เภสัชกรบางคนอาจไม่เต็มใจที่จะกรอกใบสั่งยาสำหรับยาดังกล่าวในรัฐที่ใช้กฎหมายว่าด้วยการทำแท้งแบบจำกัด “กฎหมายใหม่ในรัฐต่าง ๆ กำหนดให้มีขั้นตอนเพิ่มเติมสำหรับการจ่ายยาและนำไปใช้กับร้านขายยาทั้งหมด รวมถึง Walgreens” เครือร้านขายยาให้ความเห็นในแถลงการณ์ที่รายงานโดย Good Morning America “ในรัฐเหล่านี้ เภสัชกรของเราทำงานอย่างใกล้ชิดกับผู้สั่งจ่ายยาตามความจำเป็น เพื่อกรอกใบสั่งยาที่ถูกต้องตามกฎหมายและเหมาะสมทางคลินิก”

สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐในรัฐแอริโซนาเพิ่งผ่านกฎหมายห้ามกรณีการทำแท้งส่วนใหญ่หลังตั้งครรภ์ได้ 15 สัปดาห์ ในช่วงเวลาเดียวกัน ศาลอุทธรณ์รัฐแอริโซนาได้ระงับการบังคับใช้คำสั่งห้ามทำแท้งเกือบทั้งหมด ซึ่งได้มีการตราขึ้นหลังจากศาลล่างตัดสินว่ากฎหมายที่มีอายุถึงปี 1864 นั้นมีผลใช้บังคับ สมาคมการแพทย์แอริโซนากำลังขอให้ศาลให้ความกระจ่างเกี่ยวกับกฎหมายการทำแท้งของรัฐและการดูแลที่ผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพสามารถให้ได้ตามกฎหมาย

 

สนับสนุนโดย.    หูตึงแก้ไข

ไฟเบอร์ช่วยให้เราอิ่มนานขึ้น

แม้ว่าการวิจัยในอนาคตจะเปิดเผยวิธีที่กาแฟระงับความอยากอาหารของเรา แต่ก็อาจแปลได้ว่าการบริโภคแคลอรี่น้อยลง 100 หรือ 200 ต่อวันเท่านั้น

ไฟเบอร์ช่วยให้เราอิ่มนานขึ้น Schubert กล่าวเสริมซึ่งไม่สำคัญ นอกเหนือจากส่วนผสมเฉพาะแล้ว นักวิจัยยังได้ศึกษาสารอาหารหลักด้วย และอาจส่งผลต่อความอยากอาหารของเราอย่างไร ไฟเบอร์เป็นที่รู้กันว่าทำให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น และการศึกษาเกี่ยวกับประชากรบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าเมื่อคนเรากินไฟเบอร์มากขึ้น

น้ำหนักของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นช้าลง – แต่นี่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกเขากินไฟเบอร์ในปริมาณที่สูงมากเท่านั้น Frost กล่าว “เราแนะนำให้บริโภคใยอาหาร 30 กรัมต่อวัน แต่คนส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักรบริโภคประมาณ 15 กรัม ถ้าคุณดันขึ้นไปถึง 30 กรัม คุณก็จะได้รับผล [ต่อความอยากอาหาร] แต่จะค่อยๆ หมดไป” เขากล่าว 

พบว่าการกินโปรตีนมากขึ้นเพื่อลดความอยากอาหาร แต่พบได้เฉพาะในการทดลองเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

มีการวิจัยมากมายที่พยายามค้นหาว่าธาตุอาหารหลักชนิดใดที่ทำให้คุณรู้สึกอิ่มมากขึ้น แต่ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ดูเหมือนว่าผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าโปรตีนมีแนวโน้มที่จะทำให้คุณอิ่มเอมมากขึ้น แต่ก็ไม่ชัดเจนนักและโดยปกติแล้วผลกระทบจะมีเพียงเล็กน้อย และเป็นการยากที่จะเปรียบเทียบระหว่างธาตุอาหารหลักประเภทต่างๆ

” Yann Cornil รองศาสตราจารย์ด้านการตลาดและพฤติกรรมศาสตร์กล่าว ที่มหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ในเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา

Martin Kohlmeier ศาสตราจารย์ด้านโภชนาการของ Gillings School of Global Public Health ในนอร์ธแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา บอกว่า แทนที่จะมองหาอาหารที่เฉพาะเจาะจงเพื่อลดความอยากอาหาร เราควรแน่ใจว่าเราดื่มน้ำเพียงพอ เนื่องจากสิ่งนี้จะหยุดความอยากอาหารของเราชั่วคราว การวิจัยพบว่าคนที่ดื่มน้ำสองแก้วก่อนรับประทานอาหารจะจบลงด้วยการรับประทานอาหารน้อยลง หากมีส่วนประกอบของอาหารที่ระงับความอยากอาหาร

คุณจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง Gary Frost แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆ  เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก  ต่อความอยากอาหารของเราในระดับสรีรวิทยาจะเล็กและคงอยู่ไม่นาน ฟรอสต์กล่าว เพราะมันไม่สมเหตุสมผลทางสรีรวิทยาที่จะมีอาหารที่ผลักดันให้เรากินน้อยลง

“เมื่อไม่นานมานี้ในสังคมตะวันตกของเรา เรามีอาหารมากเกินไป” ฟรอสต์กล่าว ตลอดวิวัฒนาการ เราใช้ชีวิตด้วยอาหารเพียงเล็กน้อย และอาหารก็เข้าที่เข้าทางและเริ่ม สรีรวิทยาของเรามุ่งที่จะผลักดันให้เรากิน “ถ้ามีส่วนประกอบของอาหารที่ยับยั้งความอยากอาหาร คุณจะต้องหลีกเลี่ยงมันทั้งหมดเพื่อความอยู่รอด” อีกเหตุผลหนึ่งที่อาหารและเครื่องดื่มไม่สามารถระงับความอยากอาหารของเราได้ในระยะยาวก็เพราะว่าร่างกายของเราได้รับการออกแบบมาเพื่อรักษาน้ำหนักให้คงที่อยู่เสมอ Kohlmeier กล่าว “ร่างกายมีกลไกที่ปกป้องน้ำหนักอย่างเลวร้าย จากมุมมองเชิงวิวัฒนาการ ความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อมนุษยชาติคือความอดอยาก ไม่ใช่เพียงเพราะมันจะฆ่าคุณ แต่เพราะมันทำให้ร่างกายอ่อนแอและทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อมากขึ้น” เขากล่าว

การเข้ารับการจัดฟันต้องทำอะไรบ้าง

การเข้ารับการจัดฟัน ในปัจจุบันการจัดฟันเป็นกระแสที่คนรุ่นใหม่กระทั่งวัยผู้ใหญ่ต่างก็ให้ความสนใจ เนื่องจากช่วยแก้ปัญหาสุขภาพในช่องปากได้หลายอย่าง ทำให้มักจะเป็นทางเลือกแรก ๆ ที่คุณหมอแนะนำให้แก่คนไข้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีนวัตรกรรมการจัดฟันที่หลากหลายมากขึ้น แต่ถ้าเป็นที่นิยมในตอนนี้ก็มีอยู่ไม่กี่แบบ เช่น การจัดฟันแบบติดเครื่องมือแบบติดแน่น ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัสดุ Metal braces , Ceramic braces ,Self-ligate เป็นต้น หรือจะเป็นการจัดฟันแบบใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่าง Invisalign 

หลาย ๆ คน คงสงสัยว่าการเข้ารับการจัดฟันต้องทำอะไรบ้าง วันนี้เราจะมาพูดถึงขั้นตอนของการจัดฟันแบบเครื่องมือติดแน่นด้วยวัสดุโลหะ หรือ Metal braces

ขั้นตอนที่ 1 การเข้านัดพบหมอฟัน

กระทำการนัดพบเพื่อเจอกับหมอฟันเฉพาะทางจัดฟัน จากนั้นหมอฟันจะกระทำแจ้งข้อมูลเนื้อหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการจัดฟันเพื่อให้ผู้จัดฟันรับทราบก่อน และพิเคราะห์ เพื่อตัดสินใจทำสัญญาหัวข้อการรับการดูแลและรักษาจัดฟัน

 

ขั้นตอนที่ 2 ประเมินการดูแลและรักษา

หมอฟันเฉพาะทางจะประเมินการดูแลรักษาด้วยการตรวจภาวะฟัน ลักษณะฟัน สุขภาพโพรงปาก แล้วก็ X-ray เพื่อตรวจตราความสมดุลของบริเวณใบหน้า ขากรรไกรแล้วก็มวลกระดูกสำหรับในการรองรับการปรับฟัน รวมถึงกระทำการพิมพ์ฟัน เมื่อประเมินครบถ้วนสมบูรณ์จะมีการส่งไปตรวจเพื่อกระทำการจัดการโพรงปากก่อนจะเริ่มจัดฟัน และก็หมอฟันจะกระทำชี้แนะประเภทเครื่องไม้เครื่องมือให้ผู้ป่วยในแบบที่เหมาะสมกับตัวผู้ป่วยเอง

 

ขั้นตอนที่ 3 เริ่มติดอุปกรณ์จัดฟัน

ภายหลังจากหมอฟันกระทำการจัดการภายในโพรงปากเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว  หูตึงรักษา  จะนัดหมายคนป่วยอีกรอบเพื่อมาเข้ารับการติดตั้งอุปกรณ์จัดฟัน หรืออีกกรณี จะเริ่มขั้นตอนของการจัดฟันแบบใส

 

ขั้นตอนที่ 4 ปรับอุปกรณ์จัดฟัน

ต่อจากนั้นหมอฟันจะนัดหมายให้มาเจอเพื่อปรับเครื่องไม้เครื่องมือ ช่วงเวลาที่คนป่วยจำเป็นจะต้องเจอหมอฟันจะไม่เหมือนกันตามประเภทของวัสดุ ยกตัวดังเช่นว่าการจัดฟันแบบโลหะ หมอฟันจะทำนัดหมายปรับวัสดุทุก 4-6 อาทิตย์ การจัดฟันแบบ Damon จะนัดหมายปรับเครื่องไม้เครื่องมือทุก 6-8 อาทิตย์ สำหรับในการจัดฟันแบบ Invisalign หมอฟันจะนัดหมายตรวจทานการใส่อุปกรณ์ทุก ๆ 2-3 เดือน ความถี่ของการนัดหมายขึ้นกับการเขยื้อนของฟันในแต่ละบุคคล

 

ขั้นตอนที่ 5 ถอดอุปกรณ์จัดฟัน

ภายหลังการจัดฟันแบบโลหะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ หมอฟันจะทำถอดอุปกรณ์ฟันออก ผู้ป่วยควรต้องใส่รีเทนเนอร์สม่ำเสมอแล้วก็กระทำตามข้อเสนอแนะของหมอฟันอย่างเคร่งครัด โดยช่วงเวลาการใส่รีเทนเนอร์จะขึ้นกับลักษณะฟันของแต่ละบุคคล

5 ข้อควรปฏิบัติ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19

ณ ตอนนี้คิดว่าหลายคนคงได้รัยการฉีดวัคซีนโควิด-19ไปแล้วแต่ก็ยังมีอีกหายคนที่ยังไม่ได้ฉีดแล้วกำลังจะไปฉีดและเราจะมาแนะนำว่ามันมีข้ออะไรที่ควรปฏิบัติบ้างหลายคนสงสัยว่าหลังฉีดไปแล้วจะต้องปฏิบัติตัวยังไงบ้างทานอันนี้ได้หรือเปล่าห้ามทานอะไรบ้าง

เพราะฉะนั้นแล้ววันนี้เราจะมาบอกข้อควรปฏิบัติ หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วว่าจะมีอะไรกันบ้างพร้อมแล้วตามไปดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

ข้อที่หนึ่ง ไม่คลึงบริเวณที่ฉีดวัคซีน ใครที่ฉีดวัคซีนอาจจะเป็นแขนซ้ายหรือว่าแขนขวาไม่แนะนำว่าให้ไปคลึงบางคนถึงกับไปนวดเลยทีเดียว อันนี้ไม่ได้ยิ่งคลึงหรือยิ่งนวดจะทำให้มีอาการอักเสบมากขึ้นนั่นเองดังนั้นแนะนำว่าหลังฉีดแล้วห้ามเลย

ข้อที่สอง หลีกเลี่ยงยกของหลัก หรือว่า ออกกำลังกายหนักๆ โดยเฉพาะแขนข้างที่เราไปฉีดวัคซีนมาหากไปฉีดที่แขนขวามาก็อย่าไปยกของอะไรที่หนักๆหรือออกกำลังหนักๆก็จะทำให้บริเวณที่ฉัดวัคซีนมาอาจจเกิดการอักเสบหรือปวดได้ให้เว้นไปสัก2-3วันก่อน

ข้อที่สาม งดใช้ยาแก้ปวดกลุ่มNSAIDs ไม่ว่าจะเป็นพวก lbupofen Ponstan Naproxen Arcoxia Celebrex ให้หลีกเลี่ยงการใช้ใครที่มีอาการปวดแขนหรือมีไข้ต่ำๆแนะนำว่าให้ทานยา พาราเซตามอลไปก่อน โดยแนะนำว่าทานเมื่อมีอาการเท่านั้น1เม็ดทานได้ทุก4-6ชั่วโมง 

ข้อที่สี่ พักผ่อนให้เพียงพอดื่มน้ำให้มากขึ้น แนะนำว่าหลังจากฉีดวัคซีนประมาณสองวันให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอเพราะว่าการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยทำให้ร่างกายของเรานั้นได้พักแล้วก็ช่วยลดอาการข้างเคียงที่ฉีดวัคซีนมาด้วยและพยายามดื่มน้ำใหมากขึ้นใครที่ไม่ชอบดื่มน้ำแนะนำให้ดื่มน้ำมากขึ้น

โดยให้สังเกตจากสีของปัสสาวะของเราก็ได้ถ้าฉีดปัสสาวะของเรายังเข้มหรือเป็นสีเหลืองเข้มก็แสดงว่าอาจจะดื่มน้ำได้ไม่เพียงพอแล้วดังนั้นควรดื่มน้ำให้มากขึ้นแล้วถ้าสีปัสสาวะสีใสขึ้นแสดงว่าอันนี้ดื่มน้ำได้ดีแล้วดังนั้นแนะนำเลยหลังจากที่ฉีดวัคซีนเสร็จแล้วประมาณ2-3วันให้นอนพักผ่อนให้เพียงพอแล้วก็ดื่มน้ำให้มากขึ้นก็จะช่วยลดอาการข้างเคียงได้

ข้อที่ห้า สังเกตอาการแพ้รุนแรงหลังฉีดวัคซีน เพราะว่า หลังฉีดวัคซีนโควิด-19 มันอาจจะมีผลข้างเคียงหรือว่าบ้างคนอาจจะมีอาการแพ้อย่างรุนแรงได้ดังนั้นการสังเกตอาการจึงเป็นสิ่งสำคัญใครที่เป็นอาการที่บ่งบอกว่าแพ้รุนแรงให้รีบมาโรงพยาบาล

 

สนับสนุนโดย    ถ่ายทอดสดหวยฮานอยวันนี้

ใครที่ควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนโควิด-19 

        ปัจจุบันนี้ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากสถานการณ์ของการระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญปัจจุบันนี้มีบริษัทที่ผลิตวัคซีนขายนำวัคซีนออกมาจำหน่ายหลายยี่ห้อเป็นอย่างมากและบางยี่ห้อนั้นก็สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 90 กว่าเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว 

         อย่างไรก็ตามเราคงได้ยินข่าวกันมาล้างแล้วว่าสำหรับผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกัน covid ไปนั้นบางคนมีการแพ้วัคซีนอย่างรุนแรงซึ่งส่งผลทำให้เป็นอัมพฤกษ์ก็มีหรือบางคนนั้นมีอาการคลื่นไส้   มีผื่นขึ้นตรงบริเวณที่ฉีดวัคซีน  และยังอาเจียน  รวมถึงบางคนยังมีไข้และปวดตามร่างกายอีกด้วยนอกจากนี้บางคนยังมีอาการเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนก็มีซึ่งปัจจุบันนี้หลายคนที่ได้ฟังข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องของคนที่ฉีดวัคซีนแล้วเจออาการต่างๆเหล่านี้ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มพากันหวาดกลัวเกี่ยวกับเรื่องของการฉีดวัคซีนเพราะเกรงว่าเมื่อฉีดวัคซีนไปแล้วจะแพ้และเกิดอาการเหล่านี้ได้

      ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องของการฉีดวัคซีนว่าใครที่ไม่สมควรที่จะฉีดวัคซีนหรือควรหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนไปก่อน  สำหรับคนที่ยังไม่ควรฉีดวัคซีนนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกันโดยกลุ่มแผนกนั้นก็คือกลุ่มคนที่กำลังมีอาการไม่สบายอยู่เรียกได้ว่าถ้าหากคุณมีอาการไม่สบายไม่ว่าจะเป็นปวดหัวหรือเป็นโรคภัยไข้เจ็บอะไรก็แล้วแต่ให้คุณรักษาอาการป่วยของคุณให้หายดีเสียก่อนหลังจากนั้นคุณค่อยมาทำการติดต่อเพื่อทำการฉีดวัคซีน covid ครั้งหนึ่ง

        นอกจากนี้ถ้าหากใครที่คิดว่าตนเองนั้นมีโรคประจำตัวและอาการของโรคไม่สามารถควบคุมได้อยู่ในขั้นรุนแรงเช่นบางคนอาจจะมีปัญหาเรื่องของการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะหรือคนที่เป็นโรคหัวใจได้รับการกระทบกระเทือนหน่อยก็จะมีอาการของโรคกำเริบขึ้นได้ดังนั้นคุณคือกลุ่มคนที่อยู่ในสภาวะร่างกายที่อ่อนแอและไม่พร้อมมากๆที่จะมารับวัคซีนป้องกัน covid ดังนั้นคุณจะต้องมีการปรึกษาคุณหมอที่รักษาอาการโรคของคุณก่อนให้คุณหมอเป็นผู้ประเมินว่าคุณเหมาะสมกับการฉีดวัคซีนหรือไม่

        และกลุ่มคนสุดท้าย นั่นคือกลุ่มผู้หญิงที่กำลังมีครรภ์หรือตั้งท้องนั่นเองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้หญิงที่เพิ่งท้องอ่อนๆโดยท้องของคนนั้นยังไม่เกิน 12 สัปดาห์แล้วเราก็ยังไม่ควรที่จะทำการฉีดวัคซีนหรือฉีดยาชนิดไหนก็ตามร้อนแน่นอนว่ายาที่ฉีดเข้าไปนั้นมันจะไปกระตุ้นทารกในครรภ์ของคุณซึ่งมันจะส่งผลทำให้คันของคุณนั้นมีปัญหาหรืออาจเกิดอาการแท้งได้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย  หวยจับยี่กีรวย