แนะนำ 3 ผลไม้ช่วยต้านทานโรค

รู้หรือไม่ว่า การที่เราทานผลไม้เยอะ ๆ เป็นประจำ ดีต่อสุขภาพร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะผลไม้บางชนิดจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา และหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอ่างดีอยู่แล้วว่า ผลไม้ยิ่งทานยิ่งดีต่อสุขภาพผิวของเรา จึงทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่หันมาทานผลไม้กันมากขึ้นนั่นเอง

ซึ่งต้องบอกก่อนว่า การทานผลไม้สดใหม่ สะอาด ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี มีความสำคัญและจำเป็นอย่างมาก ที่เราจะมีสุขภาพร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการมีสุขภาพร่างกายี่แข็งแรงได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผลไม้บางชนิดยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายของเราจากการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ

ที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย เพราะผลไม้จะมีสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคบางประเภทได้ดีมาก ๆ หากเราทานเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่ต้องการสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง และอยากป้องกันร่างกายจากโรคร้าย ก็ไต้องเป็นกังวลไป

เพราะวันนี้ เราจะมาแนะนำผลไม้ที่มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้ รับรองได้เลยว่า    เครื่องช่วยฟัง    หากเราทานเป็นประจำจะยิ่งดีต่อร่างกาย จะมีผลไม้ชนิดไหนบ้างที่โรคร้ายกลัว ไปดูกันเลย 

1.ฝรั่ง

แน่นอนว่า ผลไม้ชนิดนี้สามารถหานทานกันได้ง่ายมาก ๆ แถมยังมีราคาถูก มีหลากหลายสายพันธุ์ให้เราได้เลือกทาน ซึ่งฝรั่งเรียกได้ว่าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี ใยอาหาร สารต้านอนุมูลอิสระ โดยสามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวได้ ทำให้ภูมิต้านทานโรคของเราแข็งแรงมากขึ้น ซึ่งหากเราทานเป็นประจำก็จะมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคร้ายได้นั่นเอง 

2.ส้มโอ

เป็นผลไม้ตามฤดูกาล แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเช่นกัน เพราะส้มโอนั้นจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลในเบือดได้ สามารถช่วยจับสารก่อมะเร็ง ยิ่งถ้าเราทานเป็นประจำหลังมื้ออาหาร ก็จะมีส่วนช่วยในการขับลมในกระเพาะได้ดี ทำให้ระบบย่อยอาหารของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเอง

3.มะขาม

  รู้หรือไม่ว่าในเนื้อมะขามนั้นมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ประเดือนของผู้หญิงอย่างเรามาปกติแล้ว ยังมีกรดชนิดหนึ่งที่สามารถช่วยเป็นยาระบายได้ ถึงแม้ว่าจะช่วยเป็นยาระบายแบบอ่อน ๆ แต่ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา แถมยังมีส่วนช่วยในการป้องกันร่างกายจากโรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นได้ง่ายอีกด้วย 

การดีท็อกลำไส้

การดีท็อกลำไส้หรือการล้างลำไส้นั้น คือการนำเอาของเสียที่เราไม่สามารถอุจจะระออกมาได้หมดนั้นเอาออกมาทั้งหมดจากลำไส้ของเรา เพื่อทำไห้ลำไส้ของเราสะอาดไม่มีสิ่งสกปรกเเละเชื้อโรคตกค้าง ซึ่งถ้าสะสมไปนานๆนั้นก็อาจจะทำไห้เกิดเป็นมะเร็งสำไส้ได้ การดีท็อกทำได้2เเบบคือ 

1.การกินพวกผงชงดีท็อกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆที่น่าไว้วางใจ ซึ่งมีเเบบผงเเล้วผสมน้ำกิน ในส่วนผสมนั้นจะมีส่วนผสมของพวกผักผลไม้ที่ช่วยในการบีบตัวของลำไส้ทำไห้เราปวดอุจจระเเล้วถ่ายออกมาโดยที่สุด ซึ่งถ่ายเเบบปกติเเต่อาจจะหลายครั้งหน่อย เพราะเป็นการฆ่าเชื้อโรคเเละเเบคทีเรียที่สะสมอยู่ในลำไส้ใหญ่ของเราไห้สะอาด เราจึงปวดอุจจระหลายๆรอบ ยิ่งอุจจะระเยอะคือยิ่งทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ของเราได้ด้วยดี

คนส่วนใหญ่นิยมรับประทานผงชงดีท็อกกันเสียมากกว่า เพราะทั้งหาซื้อง่าย ราคาประหยัดเเละได้ผลเเต่อาจจะไม่ค่อยใช้ได้ผลกับบางคนเท่าไหร่นักเพราะบางคนอาจจะไม่รับรู้ถึงการทำงานของการดีท็อกเพราะอาจจะยังไม่เเรงพอที่จะกระตุ้นไห้ปวดอุจจะระได้ การดีท็อกเเบบนี้ก็เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกหรือนานๆถ่ายครั้งด้วย เพราะช่วยชะล้างอุจจะระที่ตกค้างภายในลำไส้ของเราได้ดีอีกด้วย 

2.การดีท็อกลำไส้โดยใช้เครื่องมือทางการเเพทย์ การดีท็อกลำไส้เเบบนี้คือการนำสายระบายอุจจะระที่ตกค้าง เสียบเข้าไปที่รูก้นของเรา เเล้วหมอก็จะเปิดน้ำใส่เข้าไปในรูก้นของเรา ทำไห้เรารู้สึกปวดอุจจะระ เเล้วเบ่งออกมาในที่สุด ซึ่งมันดีตรงที่ว่าการสวนล้างเเบบนี้ทำไห้สะอาดมากถึง90% เพราะน้ำที่เข้าไปในร่างกายของเราช่วยล้างสิ่งสกปรกตกค้างในลำไส้ได้เป็นอย่างดี ถ้าใครทำเเล้วรู้สึกเเน่นท้องคลื่นไส้อาเจียนไห้กดปิดน้ำเเล้วเรียกพยาบาลในทันที ซึ่งการดีท็อกโดยใช้อุปกรณ์ทางการเเพทย์นั้นจะต้องอยู่ในความดูเเลของหมอเเละพยาบาล

ซึ่งใครจะสนใจไปทำสามารถไปทำที่โรงพยาบาลยันฮีได้ หมอจะไห้คำเเนะนำเเละการเตรียมตัวในวันถัดไปได้เลย การดีท็อกลำไส้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเรามาก เพราะเป็นการป้องกันตนเองจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี เเละลำไส้นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของเรามาก เพราะสะอาดหมดจดไม่มีเชื้อโรคตกค้าง ในทางที่ดีเราควรจะดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้าควบคู่กันไปด้วยเพื่อระบบการขับถ่ายที่ดีในตอนเช้า

 

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

เมื่อคุณนั้นหิวสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายก็แบบนี้แหล่ะ

ความหิวนั้นไม่เข้าใครออกใครเพราะว่าสามารถเหวี่ยงได้แม้กับคนที่เรารักเพราะว่าด้วยคำหิวนั่นเองจริงไหมค่ะสาวๆซึ่งในบางคนนั้นเวลาที่หิวนั้นจะมีอาการปวดหัวและก็ส่วนบางคนนั้นก็เหวี่ยงหงุดหงิดง่ายซึ่งอาการแบบนี้จะทำให้สาวๆนั้นรู้สึกว่าไม่ดีเลยใช่ไหมวันนี้เลยเอาใจสาวๆที่รักสุขภาพด้วยการรวบรวมข้อมูลมาให้คุณได้รู้ว่าเมื่อเวลาที่เรานั้นหิวจะมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายเราบ้าง 

  1. กลูโคสในเลือดนั้นต่ำลง สิ่งแรกที่เรานั้นหิวกลูโคสจะต่ำลงโดยกลูโคสนั้นเป็นสารอาหารที่จะได้มาจากคาร์โบไฮเดรตซึ่งจะให้พูดง่ายๆได้ว่าเป็นฉนวนในการที่ทำให้เรานั้นมีอาการที่หงุดหงิดถ้าหากว่าระดับกลูโคสในเลือดนั้นต่ำลงสมองของเรานั้นจะสั่งงานแบบว่าคิดอะไรไม่ออก ไม่มีสมาธิ หรือว่าทำงานไม่ได้คุณภาพ ซึ่งจะทำให้เรานั้นหงุดหงิดนั่นเอง 
  2. กระเพาะที่ว่างนั้นส่งสัญญาณเตือนสู่สมอง เนื่องจากว่าร่างกายของเรามีระบบสำหรับการเตือนว่าเรานั้นหิวเพื่อที่จะเตือนว่าไม่ให้มนุษย์นั้นเข้าสู่การหิวนั้นในเมื่อน้ำตาลในเลือดนั้นลดลงท้องของเรานั้นจะส่งสัญญาณผ่านเส้นประสาทในสมองเพื่อที่จะบอกว่าต้องการสารอาหารและเมื่อมีสัญญาณนี้มาถึงนั่นก็คือความว่างเปล่าในกระเพาะของเราและเมื่อสัญญาณมาถึงสมองนั้นจะมีการเตือนไปถึงส่วนอื่นๆของร่างกายอีกด้วย
  3. สมองนั้นส่งสัญญาณให้เอาน้ำตาลที่เก็บไว้ อีกส่วนหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนของร่างกายได้แก่การปล่อยฮอร์โมนออกมาสองฮอร์โมนโดยทั้งคู่เป็นฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายปล่อยน้ำตาลที่เรานั้นกักเก็บเอาไว้มาเพื่อเพิ่มน้ำตาลในเลือดนั้นให้สูงมากขึ้นสำหรับกลูโคสร่างกายจะเก็บในรูปแบบของไกลโคเจนซึ่งจะพบมากที่สุดในกล้ามเนื้อและตับ เพื่อที่จะให้ระเลือดในน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงและป้องกันไม่ให้สมองขาดอาหารนั่นเอง 
  4. ฮอร์โมนความเครียดถูกปล่อยออกมาเนื่องจากปริมาณกลูโคสในร่างกายได้จัดเก็บไว้มีจำนวนมากจำกัดซึ่งสมองนั้นจะส่งสัญญาณฉุกเฉินเพื่อให้ร่างกายปล่อยฮอร์โมนความเครียด ออกจากต่อหมวกไต ฮอร์โมนเหล่านี้จะถูกปล่อยออกมาเพื่อที่จะให้กระตุ้น  การต่อสู้ เพื่อที่จะกระตุ้นให้เรานั้นออกไปหาอาหรกินความเครียดนั้นทำให้เรานั้นต้องการได้รับอาหารให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้เกิดอันตรายต่อตัวเอง 
  5. ฮอร์โมนความสุขนั้นลดลง นอกจากฮอร์โมนความเครียดนั้นจะเพิ่มขึ้นส่วนฮอร์โมนความสุขนั้นก็จะลดลง และก็จะมีฮอร์โมนอื่นนั้นเจริญเติบโตนั่นคือความแก่ซึ่งจะส่งสัญญาณว่าให้เรานั้นกินโดยเมื่อทั่วไปนั้นเราเริ่มจะรู้สึกเศร้า และโกรธมากขึ้นเนื่องจากว่าเรานั้นรู้สึกว่าไม่ดีเมื่อที่ฮอร์โมนความเครียดยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และนี่ก็คือความหิวที่เกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อเรานั้นหิวอย่าปล่อยให้ร่างกายนั้นหิว การที่เรานั้นอดข้าวนั้นจะทำให้เรานั้นมีสุขภาพที่เสียหรือว่าเมื่อเรานั้นไดเอทแบบผิดๆไม่คุ้มกับสุขภาพระยะยาวเลยซึ่งในทางที่ดีนั้นเราควรที่จะกินในปริมาณที่เหมาะสม แต่ว่าสม่ำเสมอนั้นจะดีกว่า

 

สนับสนุนโดย  เครื่องช่วยฟัง

ต้นเหตุของการเกิดเสียงในหู

ต้นเหตุที่ทำให้เกิดเสียงรบกวนในหูเกิดได้จากหลายปัจจัยและหลายสาเหตุ ได้แก่ ขี้หูอุดตัน เนื่องจากการสะสมของขี้หูในปริมาณมากซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุและยังมีอีกหลายสาเหตุที่ส่งผลให้เกิดเสียงที่รบกวนในหู เช่น  แก้วหูทะลุ เหูน้ำหนวก แก้วหูอักเสบ จากหวัด ก็ทำให้ท่อที่ต่อไปหูชั้นกลางอุดตัน เมื่อกลืนน้ำลาย ปรับลมไม่ได้ก็จะเกิดอาการตื้อที่หู เจ็บหูมีเสียงรบกวนในหูตามมาได้เช่นเดียวกัน

และอาการทางสมอง เช่น เนื้องอกสมอง เส้นเลือดในสมองตีบ เลือดออกในสมอง ก็เป็นสาเหตุ และความผิดปกติของหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดแข็งตัว เส้นเลือดแดงโป่งพองก็เป็นโรคที่ส่งผลโดยตรงให้เกิดเสียงรบกวนในหูและยังมีอีก เช่น อายุ เมื่ออายุมากขึ้นก็จะทำให้เกิดความเสื่อมเพิ่มขึ้น

โดยเฉพาะเส้นประสาทของหูที่จะเสื่อมลง และการอยู่ที่เสียงดัง ติดต่อกันเป็นเวลานาน จากงานคอนเสิร์ต เครื่องจักร อาวุธปืน หรือประทัด ยา บางชนิดมีผลข้างเคียง ทำให้มีเสียงรบกวนในหูได้เช่นกัน การเปลี่ยนแรงดัน เช่น ดำน้ำที่ลึกจนเกินไปแล้วขึ้นที่สูง ร่างกายปรับแรงดันไม่ทัน กระทบแรงดันในหูชั้นกลาง ก็จะส่งผลถึงการทำงานของหูชั้นใน ทำให้เกิดเสียงรบกวนในหูได้ และสาเหตุอื่นๆ 

เช่น กระดูกในหูมีการงอกผิดปกติ, ความผิดปกติของข้อต่อขากรรไกร, ไซนัสอักเสบ, หูติดเชื้อ, โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน โรคต่างๆเหล่านี้ก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับโรคเสียงรบกวนในหูทั้งนั้น

ส่วนการรักษาเสียงรบกวนในหูนั้นมีวิธีหลายวิธีเช่น การรักษาเสียงรบกวนในหูจะรักษาตามสาเหตุที่แท้จริงเป็นหลัก ได้แก่ เลี่ยงสิ่งกระตุ้นต่างๆ ได้แก่ เสียงดัง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น และอีกอย่างที่สามารถช่วยได้คือ เครื่องช่วยฟัง ช่วยให้ได้ยินชัดเจนขึ้นและลดอาการเสียงรบกวนในหูได้แต่หากจะมีราคาที่สูง ฉะนั้นการดูแลรักษาหูจึงสำคัญมากเพราะคนที่มีความผิดปกติทางหูนั้นจะลำบากมากๆทั้งสภาพจิตใจที่แย่ลง

และอีกทั้งความถึงสภาวะการได้ยินที่ต่ำลงไปด้วยซึ่งหากเป็นผู้ป่วยที่โชคร้ายก็จะถึงขั้นหูไม่ได้รับการได้ยินเลยที่เดียวซึ่งถ้าหากเป็นอย่างนั้นก็ใช้ชีวิตลำบากมากเพราะการดำรงชีวิตอยู่นั้นการได้ยินเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าการดูแลหูนั้นเป็นที่สำคัญและควรจะตระหนักถึงเพราะถ้าหากเป็นอะไรที่เกี่ยวกับหูแล้วนั้นโรคอื่นๆก็อาจจะแทรกซ้อนตามมากได้ และการรักษาในแต่ละโรคก็ต้องใช้เงินในการรักษา ฉะนั้นถ้าไม่อยากเสียทั้งเงินและสุภาพทุกคนต้องหันมารักษาสุขภาพให้แข็งแรง

 

บุคคลเสี่ยงที่จะต้องใส่เครื่องช่วยฟัง

สำหรับบุคคลเสี่ยงที่เราพบเจอนั้นมีมากอยู่พอสมควร เพราะทุกคนอยู่บนพื้นฐนของความเสี่ยงที่จะหูหนวกด้วยกันทั้งนั้น อย่างเช่นโรคของหูชั้นกลางอักเสบ ซึ่งโรคนี้มักพบมากในวัยเด็กเพราะมีการค้นพบเจอในวัยนี้มากกว่าวัยอื่นเป็นจำนวนมากอย่พอสมควร เนื่องจากเด็กๆนั้นมักจะมีการอักเสบของหูชั้นกลางกันทั้งนั้นจะว่าไปก็มากกว่ารุ่นหรือวัยอื่นๆ 

เรามักจะพบอาการแทรกซ้อนจากการเป็นหวัดโดยจะส่งผลทำให้หูชั้นกลางของเด้กๆที่เป็นหวัดนั้นอักเสบสะส่วนใหญ่ ซึ่งหากแพทย์ทำการรักษาส่วนใหญ่แพทย์จะทำการส่องเพื่อทำการรักษาและจะพบว่าในรูหูของพวกเขานั้นมีสีที่แดงอยู่ในนั้นซึ่งนั้นก็คือเหตุผผลเดียวเพราะมันคือหูอักเสบนั่นเอง

สาเหตุที่ทำให้เด็กๆมีอาการอักเสบทางหูจะส่งตรงถึงเรื่องของโพรงจมูกด้วยเพราะมันจะมีท่อที่มีการส่งตรงถึงกันเนื่องจากการลำเลียงท่อต่อเหล่านี้มีขนาดสั้น จึงทำให้เกิดการอักเสบเกิดขึ้นกับเด้กๆได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่นั่นเอง

สำหรับอาการของการติดเชื้อบริเวณหูชั้นกลางมีลักษณะดังนี้

สำหรับอาการเหล่านี้เกิดจากการที่มีการติดเชื้อตรงแก้วหูมันจึงลามไปหากระดูกโหนกหูที่เป็นบริเวณด้านหลัง ซึ่งนั้นก็เป็นเหตุให้ท่อยูสเตเชียนมีการปรับแรงดันที่สูงขึ้น (แต่สาเหตุนี้มักจะพบกับเด็กๆเพียงเท่านั้น) สำหรับเด็กที่เริ่มโตขึ้นท่อเหล่านี้ก็จะมีขนาดยาวขึ้นเพราะมันจะโตตามตัวของเรานั่นเอง

สำหรับการเป็นหวัดนั้นจะส่งผลให้กิดการติดเชื้อที่ลามไปสู่หูชั้นกลางได้ เพราะมันมาตามแบคทีเรียที่เข้าทางหู จมูก คอ และปากของเรา จะพบปัญหาเหล่านี้ในเด็กที่ไม่มีภูมิต้านทาน หรือเด็กที่ไม่ได้กินนมแม่ที่มากพอนั่นเอง 

แต่หากว่าเด็กมีการถูกเลี้ยงรวมๆกันก็ก่อให้เกิดการติดเชื้อได้เช่นกัน เพราะมันเป็นแหล่งรวมหลายคนซึ่งความสะอาดต้องเป็นหนึ่ง ไม่งั้นเด็กก็อาจเกิดการเสี่ยงที่จะติดเชื้อโรคเหล่านี้ง่ายขึ้นได้

เราอาจจะแก้ไขด้วยการทำตัวเองและลูกหลานให้สะอาด เช่นการซักเสื้อผ้าต้องสะอาด รวมไปถึงการทำความสะอาดร่างกายของเราและลูกหลานของเราด้วย เพราะหากไม่ทำความสะอาดอย่างดีอาจจะนำเชื้อโรคของใครเข้ามาติดต่อกับเราได้ และอาจจะแพร่ไปถึงบุคคลที่อยู่ในครอบครัวของเราได้เช่นกัน 

เด็กก็อาจจะเสี่ยงที่จะต้องใส่ เครื่องช่วยฟัง ได้ หากเรามีการดูแลที่ผิดไปจากเดิม ดังนั้นหากเราดูแลพวกเขาไม่สะอาดพอหรือไม่ดูแลอย่างดีเรื่องของความสะอาดในทุกๆด้านลูกหลายของท่านอาจจะมีปัญหาทางด้านของการติดเชื้อซึ่งมันจีผลเหมือนดังที่กล่าวมาข้างต้น